แก้ปัญหาผิว 2 จุด ให้ผิวขาวใส หน้าเด้ง เหมือนสาวเกาหลี


งานผิวเกาหลีนั้นเป็นเทรนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยแต่กับอเมริกาเองก็ยังมีความเคลื่อนไหวและความเปลี่ยนแปลงตามร้านขายเครื่องสำอางที่เพิ่มสินค้าในหมวด K-beauty มากขึ้น โดยที่ผิวเกาหลีอาจบอกถึงลักษณะของผิวขาวใส หน้าเด้ง ดูอิ่มน้ำชุ่มชื้น เรียบเนียน






เคล็ดลับที่หลายคนคงเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้วคือ เทคนิคการลงผลิตภัณฑ์บนผิวแบบเป็นเลเยอร์ ลงมากกว่า 10 ขั้นตอนด้วยกัน โดยเป็นขั้นตอนที่ได้รับความนิยมผ่านนักแสดง ไอดอลชื่อดังหลายคน
  1. ออยคลีนเซอร์
  2. โฟมคลีนเซอร์
  3. โทนเนอร์
  4. เอสเซนส์
  5. อิมัลชัน
  6. เซรั่มหน้าใส
  7. มาสก์
  8. ครีมบำรุงรอบดวงตา
  9. ครีมบำรุงผิว (ที่เป็นเนื้อครีม)
  10. ครีมกันแดด (ช่วงเช้า)
เรียกว่ากว่าจะผ่านทั้ง 10 ขั้นตอนนั้นเล่นเอาเหนื่อยกันไปเลยทีเดียว แต่เคล็ดลับที่แท้จริงที่จะทำให้เราไม่ต้องเหนื่อยทำถึง 10 ขั้นตอนนี้ แต่ได้ผิวขาวใส หน้าเด้ง เหมือนสาวเกาหลีได้ เราต้องใส่ใจ 2 กุญแจสำคัญ ดังนี้ค่ะ

1.ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ

หรือที่เรียกว่า Hyperpigmentation (ไฮเปอร์พิกเมนเทชั่น) เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้อธิบายผิวหนังที่เข้มกว่าบริเวณอื่น เป็นผลมาจากการผลิตเมลานินส่วนเกิน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากปัญหาผิวอื่นๆ เช่น รอยแผลเป็นจากสิว หรือความเสียหายจากแสงแดด ไปจนถึงความผันผวนของฮอร์โมน
เพื่อแก้ไขปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ หรือเซรั่มหน้าใสที่ประกอบด้วยสารไวท์เทนนิ่งจึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ได้รับการยอมรับ และนี่คือสารไวท์เทนนิ่งที่ได้รับความน่าเชื่อถือ

1. ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)

ไฮโดรควิโนนเป็นสารช่วยให้ผิวกระจ่างใส ใช้รักษารอยดำในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ต้องใช้ในปริมาณที่ปลอดภัยคือ มีความเข้มข้นไม่เกิน 2%

2. สารสกัดรากชะเอมเทศ (Licorice Extract)

ส่วนผสมบางอย่างในสารสกัดจากชะเอมอาจช่วยลดจุดด่างดำของผิวและการเปลี่ยนสีผิวอื่นๆ ที่มาจากการสัมผัสกับแสงแดด เช่น ฝ้า

3. วิตามิน B3 (Niacinamide)

เป็นสารที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น และเป็นหนึ่งในสารที่ได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มีฤทธิ์ต้านการอักเสบบนผิวหนัง ช่วยรักษาสภาพผิว และความผิดปกติของรอยต่างๆ บนผิว

4. Thiamidol (ไทอามิดอล)

เป็นหนึ่งในสารไวท์เทนนิ่งเข้มข้น ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสารที่ดีที่สุดจากการวิจัยกว่า 50,000สารทั่วโลกและได้ทำการทดลองกับเซลล์ผิวมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่เป็นการทดลองกับเซลล์ของเห็ดเหมือนการทดลองทั่วไป ทั้งยังเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ผ่านการศึกษามาแล้วว่า ประสิทธิภาพของไทอาไมดอลนั้นช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินได้ถึงต้นตอและลดความหมองคล้ำโดยรวม เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสารของตัวแทนที่มีประสิทธิภาพในการลดฝ้าแดด จุดด่างดำต่างๆได้เป็นอย่างดี  (อ้างอิง) จนได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร JID ที่เป็นวารสารชื่อดังระดับโลกที่วงการแพทย์ผิวหนังทั่วโลกให้การยอมรับ
ชื่อของ ไทอามิดอล หลายคนอ่านแล้ว อาจรู้สึกว่าไม่คุ้นหูเลย นั่นเป็นเพราะว่าไทอามิดอล เป็นเอกสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียวเฉพาะของ ยูเซอริน นั่นเองค่ะ โดยมีการทดสอบกับผิวหน้าของสาวๆ มาแล้ว ได้ผลดีกว่าสารบีรีซอซินอลถึง 10 เท่า  และมากกว่าเป็นหลายร้อยเท่าเมื่อเทียบกับสารโกจิดแอซิด และอาร์บูติน
ผลการใช้สารไทอามิดอล



2.ปัญหาผิวไม่เรียบเนียน

เวลาที่เราลองลูบๆ หน้าดูแล้วเหมือนมีตุ่ม หรือสะดุด รวมทั้งปัญหาริ้วรอยแห่งวัยต่างๆ ที่ทำให้ความรู้สึกไม่เรียบเนียน สิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้จาก มลภาวะ การดูแลผิว เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ องค์ประกอบภายใน หรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามอายุ
สำหรับการแก้ไขปัญหาผิวไม่เรียบเนียนให้กลับมาเป็นผิวเด้ง อิ่มฟู ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารที่ให้ความชุ่มชื่น และนี่คือสารเติมน้ำให้ผิวที่ได้รับความนิยมค่ะ

1. กลีเซอรีน (Glycerin)

จากการศึกษาในปี 2008 แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้กลีเซอรีนให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวชั้นนอก ปรับปรุงฟังก์ชั่นกั้นผิว ให้การป้องกันการระคายเคืองผิวหนัง เร่งกระบวนการสมานแผลได้

2. วิตามินบี5 (Pantothenic Acid)

วิตามินบี 5 มักถูกใช้กับผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมและผิว รวมถึงผลิตภัณฑ์แต่งหน้า Dexpanthenol เป็นสารเคมีที่ทำจาก B5 ใช้ในครีมและโลชั่นที่ออกแบบมาเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

3. Pure Hyaluron (ไฮยาลูรอนบริสุทธิ์เข้มข้น)

ไฮยาลูรอน เป็นสารช่วยเรื่องผิวให้แลดูอ่อนกว่าวัยยอดฮิตของสกินแคร์หลายๆแบรนด์เลยก็ว่าได้ ต้องบอกว่า “กรดไฮยาลูโรนิก” ที่อยู่ในร่างกายเรามากกว่าครึ่งนั้นจะอยู่ในผิวหนังของเราเป็นหลักค่ะ มันจะจับกับน้ำเพื่อรักษาความชุ่มชื้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราโดนสิ่งเร้าแบบนี้…
  • รังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์
  • ควันบุหรี่
  • มลพิษ
กรดไฮยาลูโรนิกจะลดปริมาณไปตามธรรมชาติ ดังนั้น เป็นสิ่งจำเป็นหากต้องการดูแลผิวดูสุขภาพดี ผิวเด้ง ผิวอิ่มฟู ลดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัยรวมไปถึงฝ้า เราต้องมองหาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มส่วนผสมอย่างไฮยาลูรอนเข้าไปด้วย

หากเพื่อนๆ เป็นคนหนึ่งที่อยากมีผิวขาวใส หน้าเด้ง เหมือนสาวเกาหลีแต่ไม่อยากทำหลายขั้นตอนให้ยุ่งยาก ลองมองหาผลิตภัณฑ์ หรือเซรั่มหน้าใสช่วยแก้ไขปัญหาหลัก 2 จุด ได้แก่ สีผิวไม่สม่ำเสมอและผิวไม่เรียบเนียน โดยให้เลือกดูจากส่วนประกอบตามที่แนะนำด้านบนได้เลยค่ะ

สภาพผมอย่างเรา จะเลือกแปรงแบบไหนดีนะ?


สาวๆ รู้ไหมคะว่า แปรงที่เราใช้หวีผมอยู่ทุกวันนี้มีหลายประเภท เหมือนกับการที่เราเข้าร้านทำผม จะเห็นได้ว่ามีหลากหลายแบบตามการใช้งาน ซึ่งแตกต่างกันไปตามสภาพเส้นผมและรูปแบบที่ต้องการค่ะ มารู้จักประเภทของแปรงหวีผมกันดีกว่าว่ามีแบบไหนบ้าง จะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้องนั่นเอง





1. แปรงหน้ากว้าง

ตอบโจทย์สาวๆ ที่ต้องการผมเรียบ เส้นผมตรงสลวย และยิ่งใช้คู่กับที่หนีบผมตรงแล้วละก็ยิ่งทำให้ผมเรียงตัวสวยสุดๆ ไปเลยค่ะ

2.แปรงแบบมีรูระบายอากาศ

ช่วยให้ผมไม่ชี้ฟู และแห้งไว เพราะคุณสมบัติคือการระบายความชื้นให้ไวมากขึ้นและลดไฟฟ้าสถิตย์ขณะไดร์ผม

3.แปรงหัวกลมแบบธรรมดา

แปรงประเภทนี้เรามักเห็นกันบ่อยๆ ในร้านทำผม สังเกตุกันไหมว่าเวลาไดร์ผมแล้วดูมีวอลลุ่ม มีนํ้าหนัก ผมดูโดดเด้ง สวยงามก็มาจากแปรงประเภทนี้นั่นเอง เพราะช่วยยกโคนผมให้ดูพอง มีนํ้าหนักค่ะ

4.แปรงหัวกลมแบบเคลือบเซรามิค

โดดเด่นเรื่องการกักเก็บความร้อน ช่วยให้ผมแห้งเร็วขึ้น เหมาะกับไดร์และแกนม้วนให้ดูเป็นลอนสวยเหมือนเครื่องม้วนผม

5.แปรงแบบขนหมู (ซี่แข็ง)

ช่วยทำให้กระตุ้นหนังศีรษะมีสุขภาพดี ผมยาวเร็วขึ่น และดูผมนุ่ม หนามากขึ้น เพราะเป็นกระจายนํ้ามันให้ทั่วทั้งศีรษะ

6.แปรงซี่สังเคราะห์

ดูแลเรื่องผมที่อาจจะพันกันง่ายให้แยกออกจากกันมากขึ้น ส่วนใหญ่ซี่ของแปรงจะทำจากพลาสติกหรือไนล่อน

7. แปรงแบบซี่ผสม

แปรงแบบนี้สามารถช่วยแยกผมที่พันกันได้ง่ายเหมือนกับซี่สังเคราะห์ แต่ทำให้ผมดูหนา นุ่ม มีวอลลุ่มอีกด้วยค่ะ


วิธีแก้อาการตื่นนอนแล้วไม่เฟรชที่ต้องลอง


นิสัยตอนตื่นนอนเป็นเรื่องที่แก้ไขได้คงมีหลายคนไม่น้อยที่ตื่นมาไม่สดชื่น และล้มตัวนอนหลับต่อวันนี้เรามีเคล็ดลับแก้ปัญหาเหล่านี้มาฝากรับรองนิสัยตื่นสายเพราะไม่สดชื่นจะหายไปแน่นอน




ปิดโทรศัพท์

การปิดโทรศัพท์จะช่วยให้คุณหลับสบายเต็มที่และเมื่อตื่นนอนแล้วไม่ควรยุ่งกับโทรศัพท์ แต่สิ่งที่ควรทำคือไปออกกำลังกาย เพราะจะทำให้คุณมีสมาธิขึ้นและทำให้คุณพร้อมที่จะออกจากบ้านไปพบปะผู้คนได้ดีขึ้นด้วย

ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายหลังจากตื่นนอนเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะจะทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานส่วนเกินทำงานได้ดีอีกด้วย ทำให้ไขมันส่วนเกินถูกเผาผลาญได้ดีขึ้นกว่าปกติ และหลังจากนั้นทั้งวันชีวิตคุณก็จะสดชื่นตลอดทั้งวันและกินอาหารได้ดีขึ้าอีกด้วย

สัมผัสแสงแดด

การรับวิตตามินดีจากแสงแดดจะช่วยให้ร่างกายมีชีวิตชีวาขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้การนอนหลับดีขึ้นอีกด้วยเมื่อคุณนอนหลับได้เต็มที่มากขึ้นการตื่นนอนที่ไม่สดชื่นก็จะหมดไป แถมส่งผลดีต่อสุขภาพสุดๆ เพราะฉะนั้นอย่าพลาดการสัมผัสแสงแดดยามเช้าเด็ดขาด

ลองขูดลิ้นดู

หลังจากตื่นนอนสิ่งที่หลายคนทำคืออาบน้ำแปรงฟัน แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือการขูดลิ้นเพราะการขูดลิ้นหลังจากแปรงฟันจะให้คีณรู้สึกตื่นตัวมากขึ้น และมันยังช่วยให้สุขภาพในช่องปากสะอาดมากขึ้นด้วย

ทำสมาธิก็ช่วยนะ

หลังจากตื่นนอนการดื่มชากาแฟเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายสดชื่นได้เช่นกัน แต่การมีสมาธิก็สำคัญไม่แพ้กันหลังจากดื่มชากาแฟแล้วก็หมั่นฝึกสามาธิด้วยการฝึกลมหายในอาจจะด้วยการเล่นโยคะก็ได้ การมีสมาธิจะทำให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์ขึ้ส มีความมุ่งมั่นขึ้น

ใครที่มีปัญหากับการนอนตื่นสายหรือตื่นแล้วไม่สดชื่นลองนำเคล็ดลับดังกล่าวไปใช้ได้นะปัญหาเหล่านั้นก็จะหมดไปแน่นอน


จัดการสิวด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลผิว VS ตัวช่วยจากธรรมชาติ


จัดไปทั้งสายวิทยาศาสตร์และสายธรรมชาติที่อยากพิชิตสิว กับการดูแลผิวหน้าจากปัญหาสิว 3 ขั้นตอนที่สดสวยคัดสรรมาให้ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และตัวช่วยจากธรรมชาติ ชอบแบบไหนเลือกได้ตามสไตล์คุณ หรือจะใช้ทั้งสองวิธีผสมผสานกันก็เก๋ไม่หยอกนะคะ





ขั้นตอนที่ 1 ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด

สายวิทยาศาสตร์ : ใช้ Hiruscar Anti-Acne Pore Purifying Cleanser ทำความสะอาดผิวหน้าโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ขจัดความมันส่วนเกินและสิ่งตกค้างบริเวณผิวหน้าและรูขุมขน พร้อมคงความชุ่มชื้นให้ผิวแลดูสุขภาพดี สำหรับวิธีใช้ให้ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด นวดเนื้อเจลเบาๆ ให้ทั่วหน้า และล้างออกด้วยน้ำสะอาด


สายธรรมชาติ : ใช้ไข่ขาว โดยไข่ขาวจะช่วยดีท็อกซ์ผิวหน้าให้สะอาดลึกถึงรูขุมขน ช่วยให้ผิวเด้งกระชับ ทั้งยังช่วยลอกสิวเสี้ยนได้ด้วย สำหรับวิธีใช้ให้นำไข่ขาวมาพอกบนใบหน้าจนทั่วประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ผิวหน้าจะสะอาด เรียบเนียน และเกลี้ยงเกลายิ่งขึ้น

ขั้นตอนที่ 2 บำรุงและปรับสภาพผิว

สายวิทยาศาสตร์ : ใช้ Hiruscar Anti-Acne Pore Purifying Serum ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรบางเบา ช่วยปรับสภาพผิวให้แลดูเรียบเนียน กระชับรูขุมขนและผิวแลดูกระจ่างใส สำหรับวิธีใช้ให้ทาซีรั่มให้ทั่วใบหน้าหลังล้างหน้า ก่อนใช้ผลิตภัณท์ บำรุงผิวอื่นๆ ใช้เป็นประจำทุกเช้าและก่อนนอน
สายธรรมชาติ : ใช้ไพลและขมิ้นชัน โดยไพลเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดสิวใหม่ ส่วนขมิ้นชัน ก็เป็นสมุนไพรที่ช่วยให้สิวยุบได้เร็วเช่นกัน สำหรับวิธีใช้ให้นำไพลและขมิ้นชิ้นมาตำให้ละเอียด ใส่น้ำสะอาดเล็กน้อย แล้วบดดินสอพองใส่ลงไปด้วย คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก สิวอักเสบก็จะค่อยๆ ยุบลง ผิวหน้าใสและนิ่มขึ้น

ขั้นตอนที่ 3 ลดการสะสมของแบคทีเรีย


สายวิทยาศาสตร์ : ใช้ Hiruscar Anti-Acne Spot gel เจลแต้มสิว ลดการสะสมของแบคทีเรีย ลดการอุดตันรูขุมขน ด้วยสารสกัดจากพืชธรรมชาติหลายชนิด สำหรับวิธีใช้ให้แต้มบริเวณที่ต้องการวันละ 2 – 3 ครั้ง

สายธรรมชาติ : ใช้น้ำผึ้งและอบเชย โดยน้ำผึ้งและอบเชยมีสรรพคุณช่วยลดแบคทีเรียบนผิวหนัง ช่วยสมานแผล ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น แผลจากการบีบสิวหายเร็วขึ้น สิวอักเสบลดลง สำหรับวิธีใช้ให้นำน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับผงอบเชยครึ่งช้อนชา นำส่วนผสมมาทาพอกให้ทั่วใบหน้า หรือทาเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวอักเสบก็ได้ ทิ้งไว้ 15-20 นาที จากนั้นนำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเช็ดออก แล้วล้างหน้าให้สะอาดอีกครั้ง


ความเครียดเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิว ดังนั้น จึงควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียด เพื่อช่วยให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง รวมทั้งการทำงานในระบบของร่างกายได้ดีขึ้นค่ะ


VITAMIN E วิตามินที่ถูกมองข้ามในพ.ศ.นี้ แต่ช่วยผิวสวยได้ดีสุด


ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหาวิธีที่เป็นธรรมชาติในการช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดี “วิตามินอี” อาจเป็นคำตอบที่มีความสำคัญต่อสุขภาพผิว โดยแหล่งดีที่สุดของวิตามิน มาจากอาหารซึ่งอุดมด้วยสารอาหารจากธรรมชาติ หากแต่วิตามินที่เป็นอาหารเสริมก็มีประโยชน์เช่นเดียวกันนะคะ






วิตามิน คืออะไร ?

วิตามิน E เป็นสารอาหารชนิดหนึ่ง ที่สามารถละลายได้ในไขมัน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติพิเศษในการต้านการอักเสบ วิตามิน E ช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันการทำงานของเซลล์และสุขภาพผิว อันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับผลกระทบของอนุมูลอิสระที่เกิดจากการเผาผลาญอาหารและสารพิษในสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิตามิน E กับประโยชน์เรื่องรังสี UV ต่อผิวหนัง

วิตามิน E ยังมีประสิทธิภาพในการลดอาการของโรคผิวหนังภูมิแพ้และโรคตับไขมัน อีกทั้งยังสามารถชะลอการลุกลามของโรคอัลไซเมอร์ ได้ตั้งแต่เล็กน้อยถึงปานกลาง และวิตามินอียังใช้ในการขยายหลอดเลือดลดความเสี่ยงของการอุดตันในเลือดได้อีกด้วย โดยแสง UV และแสงจากดวงอาทิตย์ จะช่วยลดระดับวิตามิน E ในผิว อีกทั้งระดับวิตามิน E ก็ลดลงตามอายุ หากแต่อย่างไรก็ตามวิตามิน E มีอยู่ในอาหารหลายชนิดในรูปแบบอาหารเสริม อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาอีกด้วย
หากเพื่อนๆ มีปัญหาผิวเรื่องของรอยแผลเป็น ไม่เรียบเนียน Hiruscar (ฮีรูสการ์) เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยได้ผล มีส่วนผสมสำคัญเป็นวิตามินอี ใช้สำหรับดูแลผิวที่มีปัญหา และ ช่วยป้องกันการเกิดร่องรอยต่างๆที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ร่องรอย จากการผ่าตัด อุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก อีสุกอีใส รวมทั้งช่วยลดรอยนูนและคีลอยด์

วิตามิน อยู่ในอาหารแบบไหน?

วิตามิน E สามารถพบได้ในอาหารหลายประเภทรวมไปถึงอาหารแปรรูปเชิงพาณิชย์บางประเภท เช่น…
  • ซีเรียล , น้ำผลไม้และมาการีน
  • หอยเป๋าฮื้อ , แซลมอนและอาหารทะเลอื่น ๆ
  • บรอกโคลี , ผักโขมและผักสีเขียวอื่น ๆ
  • ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดทานตะวันและเฮเซลนัท
  • น้ำมันพืช ได้แก่ ดอกทานตะวัน , จมูกข้าวสาลี และน้ำมันดอกคำฝอย

กินวิตามิน แค่ไหน ถึงจะปลอดภัย?

วิตามิน Eไม่เป็นอันตรายถึงแม้จะรับประทานในปริมาณที่มาก หากแต่การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง ควรปรึกษาเภสัช หรือแพทย์ก่อนซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริมมารับประทาน


ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมว่าวิตามินอีจะมีประโยชน์ต่อการบำรุงผิวมากมายขนาดนี้ เพราะฉะนั้นมาดูแลผิวพรรณของเพื่อนๆ ให้สวยใสเปล่งปลั่ง ด้วยวิตามินอีกันเถอะ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย