รีวิวผลิตภัณฑ์ "ครีมสมุนไพรกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน กระ ติ่งเนื้อ by jeawshop (จื๋วช็อป)

รีวิวผลิตภัณฑ์ "ครีมสมุนไพรกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน กระ ติ่งเนื้อ by jeawshop (จื๋วช็อป)

(ติดต่อ Line id : jeaw_1979 , Tel : 086-795-3474 และ www.konphenfai.com)


Jeawshop (จิ๋วช็อป) เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ครีมกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน กระ ติ่งเนื้อ หูดและตาปลา

ด้วยยอดขายดีอันดับ 1 อุดมไปด้วยสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติแท้ 100% ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี

ใดๆทั้งสิ้นไม่มีผลข้างเคียง ปลอดภัย เหมาะกับทุกสภาพผิว ทางเลือกใหม่ของ "ครีมกำจัดไฝ 

ขี้แมลงวัน by  jeawshop" กำจัดล้ำลึก กำจัดหมดจด  การันตีรับรองผลด้วยรีวิวจากลูกค้าใช้จริง

กว่า 200 ภาพ

หมดปัญหากับไฝ ขี้แมลงวัน กระ ติ่งเนื้อ ผิวหน้าเรียบเนียน ขาวกระจ่างใส  " กำจัดออกได้ง่ายๆด้วย

ตนเอง เพียงแต้มยาบางๆครั้งเดียวเฉพาะจุดเท่านั้น ภายใน 1-2 สัปดาห์ เซลส์ผิวจะผลัดตัวหลุด

ไปเอง โดยไม่ทิ้งรอยกวนใจ


กำจัดไฝ




กำจัดขี้แมลงวัน









กำจัดกระ



กำจัดติ่งเนื้อ






























เลือกสียาทาเล็บให้เหมาะกับสีผิว


หลายคนมีปัญหากับการทาเล็บ เพ้นท์เล็บ เรียกได้ว่าอยากสวยต้องยอมเสียเงินเข้าร้านทำเล็บแพง ๆ ไม่กล้าที่จะแต่งเล็บทาเล็บด้วยตัวเอง แต่อันที่จริงแล้ว การทาเล็บเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ... เพียงแค่ต้องมีเทคนิคการทาเล็บสักเล็กน้อยค่ะ จะง่ายแค่ไหน มาดูกันเลย !

เทคนิคการทาเล็บ

      บีบน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูลงในอ่างน้ำ ทิ้งไว้สักพัก แล้วนำมือลงไปแช่ จะช่วยให้เล็บอ่อนนุ่มขึ้น

      ใช้น้ำยารองพื้นทาเล็บในชั้นแรก เพื่อเป็นการดูแลเล็บขั้นต้น เพราะหากเราทาเล็บสีจัด จะทำให้เล็บเหลืองได้

      การลงสียาทาเล็บ ไม่ควรป้ายเกิน 3 ครั้ง เพราะสีจะจับเป็นก้อนไม่เรียบเสมอกัน และอย่าลงสีเล็บเกิน 2 ชั้นเพราะจะดูหนาจนเกินไป

      หลังจากลงสีทาเล็บเรียบร้อยแล้ว ควรปิดท้ายด้วยการทาน้ำยาเคลือบเล็บ เพราะจะช่วยเพิ่ม ความเงางาม วิบวับให้กับเล็บ และยังป้องกันสีเล็บจางจากแสงแดดได้

        Tips ... การเก็บน้ำยาทาเล็บที่ดีให้อยู่กับเราได้นาน ๆ จะต้องปิดฝาให้สนิทและเก็บไว้ในที่เย็น ห่างไกลแสงแดด อย่างเช่น ช่องเล็กในตู้เย็น การเลือกยาทาเล็บ ควรดูส่วนผสมด้วย นั่นคือ ยาทาเล็บที่ดีไม่ควรมีแอลกอฮอล์เพราะว่าแอลกอฮอล์จะเป็นตัวทำให้ผิวเล็บแห้งและเปราะง่าย


การเลือกสียาทาเล็บให้เหมาะกับสีผิว

      สาวผิวขาวอมเหลือง : เหมาะกับยาทาเล็บสีชมพูอมส้ม สีน้ำตาลทองสว่าง หรือสีสด ๆ

      สาวผิวขาวอมชมพู : เหมาะกับยาทาเล็บสีชมพูอมน้ำตาล สีชมพูอมม่วง หรือสีโทนเย็น

      สาวผิวคล้ำอมเหลือง : เหมาะกับยาทาเล็บสีน้ำตาลทองเข้ม สีแดงสดหรือสีทอง

      สาวผิวคล้ำหรือดำแดง : เหมาะกับยาทาเล็บสีแดงเข้ม สีชมพู






แต่งหน้าอย่างไรไม่ให้ผิวเสีย


 เครื่องสำอางประเภทครีมบำรุงมีส่วนช่วยบำรุงผิวให้สวยใส มีสุขภาพดี ต่างจากเครื่องสำอางที่ใช้ภายนอก ซึ่งทำให้ผู้ใช้แลดูภายนอกสวยขึ้น ปกปิดรอยย่น เพิ่มสีสันบนใบหน้า ปกป้องผิวจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผิวที่แท้จริงงดงามขึ้นแต่อย่างใด ยิ่งหากทาเครื่องสำอางทิ้งไว้นานๆ ก็จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ขัดขวางกระบวนการทำงานของร่างกาย จึงควรใช้ด้วยความระมัดระวัง 
    แต่งหน้าดีไหม ?         การแต่งหน้าสำหรับชีวิตประจำวัน หากเป็นไปได้ควรทาบางๆ เพื่อไม่ทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง อย่าแต่งหน้าทิ้งไว้เป็นเวลานาน และไม่ควรแต่งหน้าขณะอยู่บ้านเพื่อให้ผิวมีโอกาสได้พักผ่อน

        แม้การไม่แต่งหน้ามีผลทำให้ผิวหน้าสวยใสตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในการดูแลรักษาผิว แต่ความเป็นจริงแล้วคงทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะสาวๆ ยังคงต้องแต่งหน้าเพื่อให้ดูมีสีสัน มีชีวิตชีวา ดังนั้นเครื่องสำอางและสิ่งประทินโฉมจึงต้องสัมผัสกับใบหน้าอยู่เสมอ มาดูว่ามีวิธีใดบ้างที่ทำให้ผิวสวยอยู่คู่กับคุณได้แม้จะต้องหน้าด้วยเครื่องสำอาง

    เครื่องสำอางกับผิวสวย        ก่อนแต่งหน้าควรล้างหน้าให้สะอาด และต้องไม่ลืมทาโลชั่นหรือครีมรองพื้นก่อน เพราะการใช้เครื่องสำอางลงบนใบหน้าโดยตรงเป็นการรบกวนผิว แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแต่งหน้าก็ควรใช้เครื่องสำอางอย่างถูกวิธีและล้างเครื่องสำอางออกให้สะอาดทุกครั้ง

        รองพื้น        รองพื้นคือครีมที่มีส่วนผสมของแป้งและน้ำมันจากธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้น ปกปิดรอยผิวของผู้ที่มีผิวหยาบ รอยแผลเป็น และฝ้าได้เป็นอย่างดี แต่น้ำมันในครีมหรือแป้งรองพื้นมีผลให้เคราตินในผิวแข็งตัว ทำให้ผิวหนาขึ้น เหตุนี้จึงไม่ควรทารองพื้นทิ้งไว้นานๆ 
        สิ่งสกปรกต่างๆ เมื่อติดที่ผิวจะหลุดออกยาก เมื่อใบหน้ามีสิวหรือสิวอักเสบควรงดใช้รองพื้นชั่วคราว
เมื่อกลับถึงบ้านควรใช้โลชั่นทำความสะอาดผิวล้างรองพื้นออก แล้วใช้สบู่อ่อนๆ ล้างหน้าให้เกลี้ยงโดยเร็วที่สุด

        แป้งทาผิว        จุดประสงค์ในการใช้แป้งทาผิวก็เช่นเดียวกับรองพื้น คือเพื่อปกปิดร่องรอยบนใบหน้าและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แป้งสำหรับทาผิวมีส่วนประกอบคือ ไททาเนียมไดออกไซด์ สังกะสี คลอลีนและอื่นๆ 
        ไททาเนียมไดออกไซด์และสังกะสีทำให้ใบหน้าขาวขึ้นและปกป้องจากรังสีอุลตร้าไวโอเลต
        ส่วนคลอรีน จะทำให้ผิวแห้งจึงควรทาครีมที่มีคุณสมบัติรักษาน้ำหล่อเลี้ยงผิวจำพวกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ไว้ก่อน

    เครื่องสำอางสำหรับรอบดวงตา        ได้แก่ อายไลเนอร์ มาสคาร่า อายแชโดว์ แต่ผิวหนังรอบๆ ดวงตานั้นเป็นส่วนที่บางที่สุด เมื่อเกิดการระคายเคืองขึ้นมาแม้เพียงเล็กน้อยควรหยุดใช้เครื่องสำอางรอบดวงตาชั่วคราว

         การใช้เครื่องสำอางรอบดวงตานั้น ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ พยายามไม่ให้เครื่องสำอาง หรืออุปกรณ์แต่งหน้าเข้าตา และควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ การล้างเครื่องสำอางรอบดวงตา ควรใช้โลชั่นทำความสะอาดรอบดวงตาโดยเฉพาะ 

    เครื่องสำอางที่สกัดจากธรรมชาติ         ปัจจุบันเครื่องสำอางที่สกัดจากธรรมชาติกำลังเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรหรือพืชต่างๆ จนกระทั่งมีร้านจำหน่ายเครื่องสำอางดังกล่าวโดยเฉพาะ
         คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเครื่องสำอางที่สกัดจากธรรมชาติ น่าจะเกิดปัญหาน้อยกว่าเครื่องสำอางที่สกัดจากสารเคมี แต่ความจริงแล้วเครื่องสำอางที่สกัดจากธรรมชาติบางอย่างมีส่วนผสมของน้ำหอมและยากันบูด จึงต้องเลือกใช้เฉพาะที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือเท่านั้น







อาหารช่วยบรรเทาอาการเส้นเลือดขอด


อาการเส้นเลือดขอด แม้ไม่มีอันตรายรุนแรง แต่อาจทำให้สาวๆ สูญเสียความมั่นใจ เมื่อต้องใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้นๆ การบรรเทาอาการ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ออกกำลังกาย และอีกหนทางหนึ่งคือมองหาอาหารที่จะช่วยบรรเทาอาการเส้นเลือดขอด

      ใยอาหารไม่ละลายน้ำ เช่น ยอดแค มะเขือพวง ถั่วเมล็ดแห้ง ทับทิม ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ลดการปวดเกร็งซึ่งส่งผลให้เกิดเส้นเลือดขอด

      วิตามินซี เช่น แขนงผัก บรอกโคลี พริก ผลไม้ตระกูลส้ม ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง

      ผัก ผลไม้ที่มีสารฟลาโวนอยด์ เช่น เบอร์รี่ องุ่น ธัญพืช ทำงานร่วมกับวิตามินซีเสริมความแข็งแรงและลดรอยรั่วของหลอดเลือด

      ใบบัวบก มีสารไตรเตอพีนอยด์ ช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานดีขึ้น 

      กระเทียม มีสารช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการคั่งตัวของเลือด

      ข้าวสาลี ช่วยให้หลอดเลือดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันเส้นเลือดฝอยแตก และช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น





น้ำเต้าหู้ ประโยชน์เน้น ๆ เด่นที่เครื่อง



 น้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์เน้น ๆ ในตัวเอง ส่วนเครื่องในน้ำเต้าหู้ก็เด่นไม่ใช่ย่อย

        เครื่องดื่มที่ได้ทั้งสุขภาพ และยังดื่มได้ในช่วงเทศกาลกินเจอย่างน้ำเต้าหู้ ใครก็รู้ว่ามีประโยชน์ช่วยเสริมโปรตีน แต่วันนี้เราจะมาเจาะลึกทั้งประโยชน์ของน้ำเต้าหู้ และประโยชน์ของธัญพืชที่ใส่มาเป็นเครื่องน้ำเต้าหู้อย่างละเอียดกัน

ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้

        ถั่วเหลืองที่คั้นออกมาและต้มจนเป็นน้ำเต้าหู้ อุดมไปด้วยโปรตีน ที่คนแพ้นมวัวก็สามารถเลี่ยงมารับโปรตีนจากน้ำเต้าหู้ได้ อีกทั้งน้ำเต้าหู้ยังย่อยง่าย ไม่มีไขมัน ดื่มแล้วรู้สึกอิ่มแบบไม่แน่นท้อง รวมทั้งประโยชน์จากน้ำเต้าหู้ที่เรากำลังจะนำเสนอนี้ ถ้าได้รู้ก็คงไม่แปลกใจที่ใคร ๆ จะยกย่องให้น้ำเต้าหู้เป็นซูเปอร์ฟู้ด ว่าแล้วก็มาดูประโยชน์ของน้ำเต้าหู้กันเลย

1. มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่

        นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ และวิตามิน โดยเฉพาะปริมาณสารอาหารประเภทโปรตีนในนมถั่วเหลือง ซึ่งมีอยู่สูงเทียบเท่าเนื้อสัตว์เลยเชียวล่ะ

2. มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบทั้ง 10 ชนิด

        โปรตีนโกลบูลิน (Globulin) ที่พบในน้ำเต้าหู้ ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบทั้ง 10 ชนิด อีกทั้งยังเป็นโปรตีนชนิดที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย โดย 95% ของโปรตีนในน้ำเต้าหู้ ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด 

        นอกจากนี้งานวิจัยจาก Molecular Nutrition & Food Research ปี พ.ศ. 2554 ก็เผยว่า น้ำเต้าหู้ยังมีเลคซิติน (Lecithin), ไอโซฟลาโวน (Isoflavone), โอลิโก (Oligo) และไฟเบอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยชะลอความแก่ ช่วยปรับความสมดุลของฮอร์โมน อีกทั้งยังช่วยในการขับถ่าย และป้องกันโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และบำรุงเส้นเลือดแดงด้วย

3. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด

        องค์การอาหารและยา พร้อมทั้งสมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกา เผยว่า น้ำเต้าหู้มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในอัตราส่วนที่สูง ซึ่งกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันการสะสมของไขมันในหลอดเลือดชั้นใน อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงได้

4. แหล่งรวมวิตามิน

        โดยเฉพาะวิตามินบีรวม ไนอาซิน รวมทั้งวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี และวิตามินซีในปริมาณเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเพียงดื่มน้ำเต้าหู้แค่ถุงเดียวก็กวาดเรียบทุกวิตามินเลยล่ะ อีกทั้งใครชอบดื่มน้ำเต้าหู้ทุกวัน ผิวพรรณและร่างกายจะแจ่มใส เพราะมีวิตามินเหล่านี้คอยช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วยนะ

5. บำรุงสมอง เพิ่มความจำ
        น้ำเต้าหู้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน แคลเซียม ฟอสฟอรัส จึงช่วยบำรุงทั้งร่างกาย บำรุงสมอง และช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำได้

6. น้ำเต้าหู้ ลดความอ้วน
        น้ำเต้าหู้ มีแคลอรีอยู่ราว ๆ 75-200 กิโลแคลอรี ขึ้นอยู่กับความหวานและเครื่องที่ใส่ในน้ำเต้าหู้แต่ละแก้ว รวมทั้งในน้ำเต้าหู้ยังปราศจากคอเลสเตอรอล และมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว 

        ฉะนั้นใครที่สงสัยว่ากินน้ำเต้าหู้แล้วอ้วนไหมก็คงต้องตอบตรงนี้เลยค่ะว่า หากคุณดื่มน้ำเต้าหู้แบบหวานน้อย ไม่ใส่เครื่อง หรือเน้นใส่เครื่องที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย รวมทั้งควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำ ความอ้วนก็ไม่น่าจะมาเยือนแน่ ๆ 



ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้แน่นจริงอะไรจริงเห็นไหมคะ และหากยิ่งกินน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องด้วยสารพัดธัญพืชด้วยแล้วละก็ คุณประโยชน์ของเครื่องที่ใส่ในน้ำเต้าหู้แต่ละชนิด จะให้คุณค่าทางสารอาหารอะไรดี ๆ กับร่างกายเราได้ดังนี้เลย

1. ถั่วเหลือง

            ถั่วเหลืองไม่ว่าจะอยู่ในรูปน้ำเต้าหู้ หรือนำไปต้มสุกแล้วนำมาใส่เป็นเครื่องแบบนี้ คุณประโยชน์และสารอาหารในถั่วเหลืองก็ยังครบถ้วนสมบูรณ์ดี ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนที่สูงเทียบเท่าเนื้อสัตว์ วิตามินสารพัดชนิด เกลือแร่ กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ไฟเบอร์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และไขมันชนิดไม่อิ่มตัว

2. ลูกเดือย 
        ลูกเดือยมีฤทธิ์เป็นยาเย็นช่วยบำรุงกำลัง บำรุงปอด ตับ ไต ม้าม มีสรรพคุณทางด้านขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้ท้องเสีย หล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ปัญหาทางเดินหายใจ ไขข้อกระดูก บรรเทาอาการเหน็บชา แก้ชักกระตุก ลดอาการบวมน้ำ รักษาอาการปอดอ่อนแอและเป็นเลือด รักษาฝีที่ลำไส้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ

3. เม็ดแมงลัก

        ใครที่อยากลดความอ้วน อาจดื่มน้ำเต้าหู้ใส่เม็ดแมงลักก็ได้ เนื่องจากเม็ดแมงลักเป็นสมุนไพรที่ช่วยขับคอเลสเตอรอลไม่ดีออกจากร่างกาย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ ชนิดหนึ่ง อีกทั้งคุณสมบัติพองตัวได้ของเม็ดแมงลักยังช่วยให้รู้สึกอิ่ม ที่สำคัญเม็ดแมงลักยังปราศจากคอเลสเตอรอลอีกด้วยนะ

4. แปะก๊วย 
        สมุนไพรจากเมืองจีนชนิดนี้นิยมนำมาใส่เป็นเครื่องน้ำเต้าหู้ด้วยเช่นกัน โดยแปะก๊วยสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันเซลล์จากอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย มีวิตามินและแร่ธาตุสูง แคลอรีต่ำ บำรุงสมอง เสริมสมรรถภาพทางเพศ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการ PMS ในผู้หญิงได้ด้วยล่ะค่ะสาว ๆ 

5. ถั่วแดง

        อุดมไปด้วยโปรตีนและคุณค่าทางอาหารสูงไม่ต่างจากถั่วชนิดอื่น ๆ มีคุณสมบัติในการช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในเลือด ดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน แถมยังช่วยลดน้ำหนักได้

6. เม็ดบัว

        เม็ดบัวเป็นสมุนไพรที่ดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นยาบำรุงครรภ์ได้ดี และไม่พบโทษอันตรายจากการรับประทานเม็ดบัว

7. รากบัว
        ไม่ว่าจะรากบัวหรือเม็ดบัวก็มีคุณสมบัติในเรื่องช่วยบำรุงครรภ์ได้เช่นกัน อีกทั้งรากบัวยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ทว่าส่วนมากแล้วรากบัวจะมาในรูปอาหารเชื่อมน้ำตาลมาแล้ว ฉะนั้นก็ควรกินรากบัวแค่นิดหน่อยพอนะคะ

8. งาดำ

        งาดำเป็นธัญพืชตัวท็อป ๆ ที่บรรดาคนรักสุขภาพคุ้นเคยกันดี เพราะงาดำมีแคลเซียมสูง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ มีกรดไขมันชนิดดีมาก บำรุงร่างกายได้หลายด้าน

9. แห้ว

        ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดเผยว่า การบริโภคแร่ธาตุโพแทสเซียมประมาณ 4.7 กรัมต่อวัน จะช่วยบำรุงระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทให้ทำงานเป็นปกติ แห้วจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะแห้วเพียง 1/2 ถ้วยตวง ก็อุดมไปด้วยโพแทสเซียมสูงถึง 360 มิลลิกรัมแล้ว ซึ่งก็เป็นจำนวนโพแทสเซียมในอัตราส่วน 1/3 ของปริมาณโพแทสเซียมที่ร่างควรได้รับต่อวันเลยทีเดียว

10. เฉาก๊วย

        วุ้นดำ ๆ เคี้ยวแล้วหนึบหนับ เด้งดึ๋ง ซึ่งไม่เพียงแต่ทานแล้วจะช่วยดับกระหาย แก้ร้อนในเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีฤทธิ์ขับเสมหะ ลดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ก็ต้องเลือกกินเฉาก๊วยแท้ ๆ ไม่ผสมแป้งด้วยนะจ๊ะ

สูตรน้ำเต้าหู้
        ร่ายมาซะยาวถึงประโยชน์ของน้ำเต้าหู้และบรรดาเครื่องใส่น้ำเต้าหู้สารพัดอย่าง มาถึงตรงนี้หลายคนคงนึกอยากดื่มน้ำเต้าหู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ งั้นมาลองดูสูตรน้ำเต้าหู้เหล่านี้เลยดีกว่า

          6 วิธีทำน้ำเต้าหู้ ศุตรโฮมเมดหลากรส ทำง่ายเพื่อสุขภาพ 

          น้ำเต้าหู้งาดำ เครื่องดื่มสุขภาพอิ่มท้อง ต้อนรับเทศกาลกินเจ 

          วิธีทำน้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง โฮมเมดสูตรเข้มข้น ทำดื่มเองดีกว่า ไม่เสียอารมณ์

          น้ำเต้าหู้ผสมมะนาว สูตรเด็ดคูณสอง ที่เขาว่าเป็นยาอายุวัฒนะ 

          ทั้งนี้น้ำเต้าหู้ก็มีฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศหญิง รวมทั้งยังให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหากดื่มเข้าไปมาก ๆ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะฮอร์โมนเพศหญิงสูงเกินไป และอาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้ โดยเฉพาะหากเลือกดื่มน้ำเต้าหู้รสหวาน ใส่เครื่องประเภทแป้ง เช่น สาคูแถมยังมีปาท่องโก๋มันเยิ้ม หรือขนมปังทานแกล้มด้วย 

          ดังนั้นทางที่ดีควรดื่มน้ำเต้าหู้เพียงวันละ 2 แก้วก็พอ รวมทั้งควรกินน้ำเต้าหู้หวานน้อย และหลีกเลี่ยงการรับประทานขนมปังหรือปาท่องโก๋ตัวเพิ่มน้ำหนักจะดีกว่า



www.konphenfai.com

www.facebook.com/jeawshop

9 ผัก สมุนไพร มหัศจรรย์ รักษาได้หลากโรค

อาหารที่ผู้บริโภคเห็นความสำคัญน้อยที่สุดอย่าง ผัก นั้น กลับกลายเป็นอาหารที่มีคุณค่ามากชนิดหนึ่ง เพราะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เช่น เกลือแร่ วิตามิน อยู่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญคือ สารบางอย่างที่มีคุณค่าต่อร่างกาย จะมีเฉพาะใน ผัก เท่านั้น เห็นที่ว่าจะไม่ลิ้มชิมรส ผัก ก็คงจะไม่ดีต่อสุขภาพนัก
นอกจากใน ผัก จะมีคุณค่าต่อร่างกายแล้ว ผัก ยังช่วยรักษาโรคได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางทียาที่หมอให้ ยังไม่อาจสู้ทานพืช ผัก เหล่านี้เลย เรามาดูกันว่ามี ผัก อะไรที่ช่วยรักษาโรคได้อย่างน่ามหัศจรรย์ บ้าง


1. ขี้เหล็ก
สำหรับคนสมัยใหม่ อาจจะไม่ชอบทานสักเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นคนสมัยก่อน รุ่นคุณพ่อคุณแม่เราขึ้นไปแล้ว บอกเลยว่าอาหารที่ทำด้วย ผัก ขี้เหล็กจัดเป็นอาหารรสเลิศถูกปากมากเลยทีเดียว
และนอกจากใช้ประกอบอาหารแล้ว ใบขี้เหล็กสามารถรับประทานเป็นยาชั้นดี เพราะใบขี้เหล็กมีทั้งวิตามินเอ วิตามินซี เส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินบี 1 และไนอาซิน
สรรพคุณทางยาของใบขี้เหล็กมีสารชนิดหนึ่งออกฤทธิ์ต่อประสาททำให้นอนหลับดี แก้ท้องผูกได้ดี และบำรุงร่างกายให้กระชุ่มกระชวยได้

2. หัวปลี
หัวปลี ที่เป็นส่วนดอกของต้นกล้วย ที่หลายคนไม่ชอบทาน หารู้ไม่ว่าใบหัวปลีนั้นมีธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด แก้โลหิตจาง และยังคงลดน้ำตาลในเลือดได้ รวมถึงยังสามารถทานแก้โรคเกี่ยวกับลำไส้ได้เป็นอย่างดี


3. มะระขี้นก
มะระขี้นก เป็น ผัก พื้นบ้านของไทย ที่คนไทยนิยมนำยอดอ่อนและผลอ่อนมาปรุงเป็นอาหารโดยนำมาลวกเป็น ผัก จิ้ม แต่หลายคนก็ไม่ชอบทานนัก เพราะว่าขม มีผิวขรุขระ แต่ว่ามะระขี้นกนี้ เป็นยาชนะเบาหวานชั่นยอดเลยนะ
เพราะมะระขี้นกนี้ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด อันเป็นสาเหตุของเบาหวาน และสามารถชะลอการเกิดต้อกระจกซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้
รูปแบบวิธีทานที่ให้ผลลดน้ำตาลในเลือดก็ไม่ซับซ้อน คือสามารถใช้ได้ทั้งน้ำคั้น ชงเป็นชา หรือกินในรูปแบบของแคปซูล ผงแห้งก็ได้




. ผัก ตำลึง
ตำลึงเป็น ผัก ที่นิยมนำยอดมาลวกหรือนึ่ง เป็น ผัก จิ้มน้ำพริก หรือนำยอดอ่อน ใบอ่อนมาปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย
คำลึงจัดว่ามีสรพพคุณทางยาที่เยอะมาก อย่างผลอ่อนที่ก้านดอกเริ่มจะหลุดกินสดได้กรอบอร่อย ไม่ขม เป็นยาบำรุงสุขภาพ รักษาปากเป็นแผล ได้
หลายคนใช้ตำลึงในการรักษาโรคผิวหนังพวกผื่นแพ้ ตำแย หมามุ่ย หนอนคัน บุ้ง หอยคัน มดคันไป ผื่นคันจากน้ำเสีย ผื่นคันจากละอองข้าว ผื่นคันชนิดที่ไม่รู้สาเหตุ เริม งูสวัด สุกใส หิด สิว ฝีหนอง เป็นต้น
บางคนก็ทานตำลึง เพื่อระบายท้อง ลดการอึดอัดท้องหลังกินอาหารเนื่องจากมีสารช่วยย่อยแป้ง และช่วยแก้ร้อนใน เป็นต้น
และที่สำคัญคือตำลึงเป็นยาพื้นบ้านใช้รักษาเบาหวาน ทั้งราก เถา ใบ ใช้ได้หมด มีสูตรตำรับหลากหลาย และในตำราอายุรเวทก็มีการใช้เป็นยารักษาเบาหวานมานานนับพันปี ชาวเบงกอลในอินเดียใช้ตำลึงเป็นยาประจำวันสำหรับแก้โรคเบาหวาน
5. ผักเชียงดา
ผักเชียงดา เป็นพืชผักไม้เลื้อย ทางภาคเหนือ เถาสีเขียว ทุกส่วนมีน้ำยางสีขาวเหมือนน้ำนม ใบ เดี่ยว รูปกลมรี ท้องใบเขียวแก่กว่าหลังใบ ใบออกตรงข้อเป็นคู่ๆ
ยอดอ่อนและใบอ่อนของผักเชียงดา นำมากินเป็นผัก มีรสขมอ่อนๆ และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก และยังเป็นผักที่หมอยาพื้นบ้านใช้เป็นผักเพิ่มกำลังในการทำงานหนักและใช้เป็นยารักษาเบาหวาน
นอกจากนี้ผักเชียงดาสามารถนำไปใช้ลดน้ำหนัก เพราะว่าผักเชียงดาช่วยให้มีการนำน้ำตาลไปเผาผลาญมากกว่าการนำไปสร้างเป็นไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และพบมีรายงานการศึกษาว่าผักเชียงดาสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง



6. แครอท
นับเป็นผักที่ให้เบต้าแคโรทีสูง ซึ่งสารที่พบในแครอทนี้จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย มีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อ ซึ่งจะออกฤทธิ์ในการรักษาไข้หวัด ไอ เจ็บคอ ปอดอักเสบ ลดการอักเสบและบวมได้ ถ้าใช้ทาผิวภายนอกช่วยลดอาการแสบร้อนของผิวเนื่องจากโดนแดดเผาไหม้ ลดฝ้าและรอยด่างดำลงได้
นอกจากนี้การทานแครอทยังช่วยป้องกันลดมะเร็งปอด มะเร็งมดลูก กระเพาะอาหารและเต้านม ช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยในระยะพักฟื้น ลดความอ่อนเพลียเหนื่อยง่าย รักษาโรคลำไส้อักเสบ ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดขาว บรรเทาอาการข้ออักเสบ ช่วยล้างพิษในตับ บำรุงสายตา แก้ตาฝ้าฟาง ตาบอดกลางคืน ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยย่อยอาหาร ขับพยาธิไส้เดือน บำรุงผิว ชะลอความชราของผิวพรรณได้ดีด้วย


7. ถั่วฝักยาว
รู้หรือไม่ว่าผักที่มีวิตามีนซีสูงที่ช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี ที่จะมีผลช่วยให้เลือดดี ผิวพรรณสวย
ถั่วฝักยาวมีกากใยอาหารจำนวนมาก ซึ่งกากใยชนิดนี้จะทำปฏิกิริยากับกรดในกระเพาะ ได้สารจำพวกเจลลาตินเคลือบที่กระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วอิ่มนาน สารชนิดนี้จะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้เพราะว่าจะไปจับกับกรดน้ำดี เมื่อน้ำดีไม่พอใช้ในร่างกายก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ซึ่งการใช้น้ำดีต้องใช้คอเลสเตอรอลเป็นวัตถุดิบ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลลงได้ ถ้านำถั่วฝักยาวไปต้มเอาน้ำดื่มจะช่วยรักษาบำรุงไต








8. กะหล่ำปลี
เป็นผักที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถป้องกันรักษามะเร็งได้หลายชนิด มีวิตามินซีสูง มีสารอาหารกลูตามีนช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารสร้างเยื่อบุผนังกระเพาะได้รวดเร็ว ทำให้แผลในกระเพาะอาหารและลำไส้หายได้เร็ว จึงใช้เป็นอาหารในการรักษาโรคกระเพาะและป้องกันมะเร็งลำไส้ได้ดี
อีกทั้ง กะหล่ำปลียังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิ คุ้มกันในร่างกาย ช่วยล้างพิษในตับ ช่วยให้ระบบน้ำดีทำงานได้ปกติ ลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยใช้น้ำคั้นหรือกินสด (แต่ปริมาณในแต่ละวันไม่มาก) ใช้ใบสดประคบเต้านมแม่ลูกอ่อนช่วยลดความปวดจากการคัดเต้านมลงได้

9. ผักกาดขาว
ถือเป็นเจ้าแห่งเส้นใยและโฟเลท ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีบทบาทในการควบคุมความเป็นปกติของชีวิตทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา นั่นคือการสร้างระบบประสาทและ DNA
อีกทั้งเส้นใยของผักกาดขาวช่วยกระตุ้นการเคลื่อน ไหวของลำไส้ ช่วยในการย่อยอาหาร ป้องกันอุจจา ระแข็ง เนื่องจากเส้นใยไม่จับกันแน่นและสามารถถนอมน้ำไว้จึงทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ
ไม่เพียงแค่นี้ เพราะผักกาดนั้นมีรสหวานไม่ร้อนไม่เย็น ช่วยลดอาการอึดอัดบริเวณหน้าอก ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ ลดการเต้นของหัวใจ ช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการทำงานของไต
สารพัดประโยชน์ และเป็นได้สารพัดยาเลยล่ะค่ะ สำหรับผักแต่ละชนิด บางทีสิ่งเหล่านี้อาจอยู่ใกล้ตัวเรามากเกินไปจนหลายคนมองข้ามคุณค่าที่น่าทึ่งไป อย่าลืมชายตามองพืชผักกันบ้าง แล้วคุณจะได้ฟื้นฟูสุขภาพจากอาหารนานาประดยชน์อย่างพืชผักเหล่านี้