7 ของดีธรรมชาติ ช่วยเราปราศจากปัญหาผิว

การดูแลผิวด้วยธรรมชาติเป็นสิ่งที่ดีและปลอดภัยกับผิวมากที่สุดเลยนะคะ สาว ๆ คนไหนอยากมีผิวกระจ่างใสแบบไม่ต้องพึ่งนวัตกรรมทางการแพทย์ใด ๆ สดสวยแนะนำ 7 ส่ิงมหัศจรรย์จากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งสดใส ไม่ต้องสิ้นเปลืองใด ๆ เลยค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าของอะไรที่เราควรมีไว้ติดบ้านกันบ้าง






1.น้ำนม

เคล็ดลับแสนง่ายแค่นำสำลีมาจุ่มแล้วโปะทิ้งไว้บนหน้าประมาณ 10-15 นาที ในน้ำนมจะมีกรดแลคติกซึ่งจะซึมเข้าสู่ผิวหน้า แล้วจะบำรุงให้ผิวกระจ่างใส เนียนนุ่มมากยิ่งขึ้น หรือนำไปผสมกับมะขามเปียกอัตราส่วน 1:1 จะช่วยเรื่องปรับเซลล์ผิวให้กระจ่างใสขึ้นค่ะ

2.กล้วย

ของดีที่มีได้ทุกบ้าน นอกจากใช้ผลกล้วยบดพอกหน้าเพื่อให้ผิวเนียนนุ่มขึ้นได้แล้ว ยังสามารถนำด้านในของเปลือกกล้วยสุกมาถูเบา ๆ บนใบหน้าเป็นสครับช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้อีกด้วย สารฟีนอลิกและวิตามินอีจะช่วยผลัดเซลล์ผิวทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง กระจ่างใส ไม่แห้งกร้านค่ะ

3.มะเขือเทศ

ไม่มีไม่ได้จริง ๆ ค่ะ มะเขือเทศมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย นำมาหั่นเป็นแว่นสำหรับสครับใบหน้าก่อนอาบน้ำเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่า สิวเสี้ยน ลดความหมองคล้ำ แต่ต้องทำความสะอาดล้างเครื่องสำอางออกก่อนนะคะ หรือจะสับละเอียดแล้วนำมาพอกหน้าสัก 30 นาทีก่อนเข้านอนก็ได้ค่ะ

4.โยเกิร์ต

ความงามสูตรดั้งเดิม นอกจากโยเกิร์ตรสธรรมชาติจะมีจุลินทรีย์และกรดแลคติกช่วยเรื่องขจัดสิ่งสกปรก ลดความมันและการเกิดสิวผดแล้ว โยเกิร์ตยังมีวิตามินบีช่วยบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้น เนียนนุ่ม ขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติได้ ทาแล้วนวดวน ๆ บนใบหน้าประมาณ 20 นาทีหรือนวดจนแห้งแล้วล้างออกก็จะทำให้ผิวนุ่มเนียนกระจ่างใสได้ค่ะ

5.น้ำผึ้ง

นอกจากความหวานที่เย้ายวนแล้ว น้ำผึ้งยังมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระและกรดกลูโคนิกที่ช่วยในเรื่องความงามอีกด้วย การพอกหน้าด้วยน้ำผึ้ง 15-20 นาที จึงช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ปกป้องผิวจากรังสียูวี เสริมสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ทำให้หน้ากระจ่างใสและอ่อนกว่าวัย อย่าลืมล้างทำความสะอาดให้หมดจดเพราะถ้าหลงเหลือบนผิวจะกลายเป็นโทษกับผิวไปได้

6.มะละกอสุก

มะละกอเป็นผลไม้ที่มีวิตามินเอและเอนไซม์ปาเปนที่ช่วยกักเก็บและเติมความชุ่มชื้นต่อผิวอยู่สูง จึงเหมาะกับสาว ๆ ผิวแห้งเป็นอย่างดี นำมะละกอสุกมาบดละเอียดก่อนพอกหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างออก ใครมีผิวแห้งต้องลองสูตรนี้ค่ะ

7.ส้ม

ชอบความกระจ่างใสขาดไม่ได้จริง ๆ ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ฟื้นฟูส่วนที่หมองคล้ำ ทำให้สิวแห้งเร็วและไม่เกิดรอยแผล สาว ๆ สามารถใช้เนื้อส้มแกะเมล็ดปั่นละเอียดมาพอกหน้าทิ้งไว้ก่อนเข้านอน หรือนำด้านในของเปลือกส้มมาสครับเบา ๆ บนหน้าก่อนอาบน้ำ แต่ใครที่ผิวแพ้ง่ายต่องระวัง เพราะส้มมีกรดซิตริกสูง ใช้พอกหรือสครับไม่เกิน 15 นาที ถ้ารู้สึกคันยุบยิบให้ล้างออกทันทีค่ะ


นี่ล่ะเคล็ดลับจากธรรมชาติทั้งหมด หาง่ายและวิธีก็ง่ายสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ ใครชอบดูแลตัวเองด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้ต้องลองทำกันดูค่ะ


5 สาเหตุที่มาของปัญหาผมบาง ผมร่วง

ปัญหาผมบาง หัวเถิก หัวล้าน นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้เราเสียบุคลิกเลยนะ สังเกตได้ว่าเวลาสระผมผมร่วงเยอะ เวลากวาดบ้านทีก็จะเห็นเส้นผมร่วงเป็นกระจุก เยอะแยะมากมาย แถมยังรู้สึกว่าผมบางลงทุกที ถ้าไม่รีบแก้ไขอาจเป็นปัญหาที่บานปลาย จนสายเกินแก้ไปเลยก็ได้ เราลองมาดูสาเหตุกันเลยดีกว่าว่าอะไรทำให้ผมเราร่วงได้ขนาดนั้น






1.มีความเครียด

คนที่มีอาการเครียดฮอร์โมนที่อาจเกิดการผิดปกติ จนทำให้ผมร่วง จนทำให้ดูเหมือนคนผมบาง บางคนเวลามีอาการเครียดก็ชอบดึงผมเล่นโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่รีบแก้ไขอาจทำให้เสียบุคลิกได้นะคะ ทางที่ดีควรฝึกตัวเองไม่ให้เครียด พยายามผ่อนคลายเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ และหาทางระบายความเครียดด้วยวิธีที่เป็นประโยชน์เช่นการออกกำลังกายก็เป็นวิธีที่ช่วยได้ค่ะ

2.มีเชื้อรา

สาเหตุหนึ่งของอาการหัวล้านก็คือติดเชื้อราบนหนังศีรษะนั่นเองค่ะ สิ่งที่ทำให้เป็นโรคเชื้อราบนหนังศีรษะก็คือความสกปรกและความอับชื้น ควรเปลี่ยนปลอกหมอน ทำความสะอาดหวีและแปรงผม ถ้าสระผมก่อนนอนก็ควรแน่ใจว่าผมแห้งแล้วค่อยนอน เพราะถ้าเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะแล้วจะทำให้รู้สึกคันระคายเคือง จากนั้นผมก็จะร่วงตามลำดับค่ะ

3.มัดผมแน่นเกินไป

คนที่ชอบมัดผมม้า แบบรวบตึง เก็บผมทุกเส้นแบบเนียนกริบ ก็ค่อนข้างเสี่ยงต่อการหัวล้าน เหตุผลก็คือการมัดผมตึงเกินไปจะทำให้เส้นผมไม่สามารถลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงรากผม และปลายผมได้อย่างเพียงพอ และการรวบตึง ๆ ยังทำให้ผมหลุดร่วงได้ง่ายอีกด้วย 

4.ขาดธาตุเหล็ก 

เส้นผมต้องการธาตุเหล็กถึงจะมีความแข็งแรง ดังนั้นถ้าเราขาดธาตุเหล็กจะทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วงง่าย ส่งผลให้ผมบางและหัวล้านได้ในที่สุด ควรรับประทานอาหารพวกผักใบเขียว ปลา เป็ด ไก่ ไข่แดง ธัญพืชประเภทซีเรียล ถั่วแดง ฟักทอง มะเขือเทศ เป็นต้น

5.ทำเคมีกับเส้นผมบ่อย

สาว ๆ คนไหนที่ชอบย้อมผมบ่อย ๆ อาจถูกสารเคมีทำร้ายมากเกินไปจะทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของเส้นผม ทำให้หนังศีรษะเกิดอาการคัน ผมร่วง เพราะฉะนั้นขอให้หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับศีรษะ ถ้าต้องการย้อมผมให้ทิ้งระยะบ้าง และเลือกใช้ยาย้อมผมที่ไม่แรงจนเกินไปค่ะ

ถ้าหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ได้ เส้นผมของเราก็จะหยุดการหลุดร่วงและกลับมาหนานุ่มสวยเป็นธรรมชาติได้ค่ะ


ทาลิปสติกแบบไหนไม่ให้ติดฟัน มาลอง!

น่าเบื่อที่สุดเมื่อทาลิปสติกสีสวยสดไปแล้ว อยากจะยิ้มโชว์ใครต่อใครเพื่ออวดความงาม แต่ลิปสติกดันเลอะฟันทำให้อับอายขายหน้าแทนเสียดาย วันนี้สดสวยเลยนำเคล็ดลับล็อกลิปส์ รับรองไม่ติดฟันอย่างแน่นอน มาลองทำตามกันเลยค่ะ






Step 1: ใช้ดินสอเขียนขอบปากช่วย

ก่อนอื่นหาดินสอเขียนขอบปากมาก่อนเลยค่ะ แต่เราไม่ได้เขียนขอบปากบนหรอกนะ เราจะนำมาเขียนขอบปากด้านใน เพื่อล็อกไม่ให้ลิปสติกไหลเลอะไปโดนฟันนั่นเอง เลือกสีที่เป็นสีเดียวกับลิปสติกจะได้ไม่หลอกตาค่ะ

Step 2: ทำปากจู๋

ทำปากจู๋แล้วใช้นิ้วมือถูลิปสติกที่อยู่ด้านในออกมา ตรงจุดนี้แหละที่มักจะเละฟันอยู่เสมอ

Step 3: ทิชชูซับ

ใช้กระดาษทิชชูซับลิปสติกเอาความเยิ้มออกมาหน่อย แค่ซับเบา ๆ พอนะคะ แล้วความเยิ้มจะลดลงไม่เลอะส่วนอื่นแน่นอน โดยเฉพาะฟันขาว ๆ ของเรา

นี่แหละ 3 Step ง่าย ๆ ที่ทำให้ลิปสติกสีสดสวยไม่หลุดเลอะฟันขาว ๆ จนอับอายได้ ใครเจอปัญหานี้ทุกวันลองนำไปทำกันเลยนะคะ


เรียงลำดับสกินแคร์ถูก ผิว SO GOOD แน่นอน

บางทีก็งงกันใช่ไหมคะว่าสกินแคร์ตัวไหนใช้ก่อนหรือหลัง ต้องเรียงลำดับอย่างไร แล้วตัวไหนทำหน้าที่อะไร จำเป็นต่อผิวแค่ไหน ต้องใช้ทั้งหมดไหม โอ้ย…คำถามเยอะแยะไปหมด เราอาจจะไม่ต้องใช้ทุกตัวก็ได้ แต่ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนค่ะว่าสกินแคร์ตัวไหนต้องใช้ก่อนหรือหลัง เพราะถ้าใช้ผิดขั้นตอน การทำงานของสกินแคร์อาจจะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าไหร่นัก วันนี้สดสวยเลยจะมาเรียงลำดับให้ดู จะได้ฟื้นฟูผิวให้สวยกันได้เต็มที่ค่ะ





1.โทนเนอร์

ขั้นตอนเรียกเลยคือโทนเนอร์ เป็นเหมือนการปรับสภาพผิว เตรียมพร้อมรอรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปอย่างเต็มที่ โดยเราจะใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้าทำความสะอาดผิวเรียบร้อยแล้ว พยายามหลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้หน้าแห้งเกินไปค่ะ

2.ยาแต้มสิว

สำหรับคนที่เป็นสิว บางคนทายาแต้มสิวก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุง ล้างสมองใหม่ค่ะ ปรับสภาพผิวเสียก่อน แล้วแต้มยาก่อนเลย เพื่อให้ยาเข้าไปรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการใช้ในช่วงเช้า แนะนำเพื่อนๆ เลือกใช้เจลแต้มสิวจาก Hiruscar Anti Acne (ฮีรูสการ์ แอนตี้แอคเน่) หลอดสีเขียวขาว เป็นผลิตภัณท์ดูแลผิว ที่ช่วยจัดการกับสิว เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย และ ผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ที่สำคัญคือมันไม่เหนียวแห้งเร็วนั่นเอง ทำให้ไปสู่ขั้นตอนต่อไปแบบไม่ใช้เวลามากนั่นเอง

 3.เซรั่ม / เอสเซนส์

สองอย่างนี้เนื้อบางเบาใกล้เคียง อยู่ที่ส่วนผสมของแต่ละแบรนด์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเซรั่มจะเป็นน้ำมันมากกว่า และเอสเซ้นส์จะเป็นน้ำ อยู่ที่เราชอบค่ะ แต่ขั้นตอนนี้จะมาหลังโทนเนอร์ค่ะ

4.อายครีม

หลายคนชอบเอาไว้ขั้นตอนสุดท้าย บางทีก็ถูกครีมบำรุงตัวอื่นบดบังไปหมดแล้ว บำรุงรอบดวงตาเป็นอันดับแรก ๆ เลยค่ะ จะเลือกเป็นอายเซรั่มหรืออายครีมก็ได้แล้วแต่ชอบ แต่ทาบาง ๆ ก็เพียงพอแล้วค่ะ

5. อิมัลชั่น / มอยส์เจอร์ไรเซอร์ / ครีม

เนื้อค่อนข้างเข้มข้น เราเอาไว้ลำดับหลัง ๆ เลย ถ้าเป็นไนท์ครีมก็คือขั้นตอนสุดท้ายไปเลย ถ้าหากเราทาก่อนพวกเซรั่ม มันจะทำให้เนื้อเซรั่มซึมลงไปไม่ถึงผิว เพราะฉะนั้นเก็บมันไว้ขั้นตอนสุดท้ายนะคะ

6. ครีมกันแดด

สำหรับในช่วงเช้าให้ตบท้ายด้วยการปกป้องผิวจากแสงแดดในตอนกลางวัน ครีมกันแดดคือขั้นตอนสุดท้ายก่อนลงรองพื้นหรือลงแป้งต่าง ๆ จำง่าย ๆ ว่ามันปกป้อง ฉาบผิวเราไว้ เพื่อไม่ให้รังสียูวีเข้ามาสู่ผิวเราได้ค่ะ

ครบทุกขั้นตอนการบำรุงผิวแล้ว หวังว่าสาว ๆ ทุกคนจะใช้ครีมบำรุงต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะคะ


เครื่องสำอางแบบออร์แกนิก ดีกว่าอย่างไร?

เราคุ้นเคยกับคำว่าออร์แกนิกมานานหลายปีแล้ว โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ ออร์แกนิกกำลังเป็นที่นิยม เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าออร์แกนิกหมายถึงปลอดภัย ห่างไกลสารเคมีอันตราย แล้วอะไรคือความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบออร์แกนิคและผลิตภัณฑ์ทั่วไป วันนี้สดสวยจะมาช่วยไขข้อข้องใจให้ค่ะ




ปลอดภัย

ใช่ค่ะ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกมีความปลอดภัยมากกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไปอยู่แล้ว ถ้าลองสังเกตเกี่ยวกับส่วนผสมที่อ่านไม่ออกบนฉลากของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ส่วนใหญ่จะเป็นส่วนผสมปรุงแต่งและสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ส่วนผสมบางชนิดทำให้ผิวเสียหายและเกิดอาการระคายเคือง หรือแม้แต่นำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพ แต่ส่วนผสมออร์แกนิคมาจากผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติบนโลกนี้ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบออร์แกนิคทำจากส่วนผสมแท้ที่ปลอดภัยสำหรับการใช้งานกับร่างกายและใบหน้าของคนค่ะ

ฟื้นฟูผิว

ส่วนผสมธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันทีทรี อะโวคาโด และอื่น ๆ มีความอ่อนโยนและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ยอดเยี่ยมจากธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส และฟื้นฟูผิวได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกบำรุงผิวจึงทำให้ผิวเนียนสวยมากยิ่งขึ้นค่ะ

ดีต่อสิ่งแวดล้อม

อย่างที่บอกว่าถ้าใครเป็นสาวรักษ์โลกคงต้องถูกใจกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก เพราะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบออร์แกนิคส่งผลในทาตรงกันข้ามกับผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอื่น ๆ เนื่องจากการทำฟาร์มออร์แกนิคช่วยขจัดมลพิษจากสเปรย์และส่วนผสมสารเคมีต่าง ๆ ในกระบวนการผลิต จึงช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นโดยช่วยสนับสนุนสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน

นี่แหละค่ะข้อดีของผลิตภัณฑ์แบบออร์แกนิก ปลอดภัยต่อคนใช้และคนรอบข้างด้วยนะ :)