5 วิธีแก้ขอบตาดำคล้ำ...ถ้าไม่อยากเป็นหมีแพนด้ารีบดูด่วน!!


5 วิธีแก้ขอบตาดำคล้ำ...ถ้าไม่อยากเป็นหมีแพนด้ารีบดูด่วน!!

ขอบตาดำ...อีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของคนนอนดึก มีเวลาพักผ่อนน้อย โรคภูมิแพ้ การไหลเวียนของโลหิตไม่ดีพอ อายุมากขึ้น หรือไม่ก็เกิดจากกรรมพันธุ์ วันนี้เราขอ แนะนำวิธี
ดูแลสุขภาพดวงตาให้ไกลจากอาการขอบตาดำคล้ำ หรือ รอยตาหมองคล้ำใต้ตา กับเคล็ดลับการดูแลรักษาดวงตาง่ายๆที่คุณก็สามารถทำได้เองที่บ้าน ฉะนั้นสาวๆทั้งหลายอย่าปล่อยให้หมีแพนด้าเรียกพี่เด็ดขาด!


แนะนำ 5 วิธีแก้ปัญหาขอบตาดำคล้ำ 


1. ช้อนแช่เย็น อ๊ะ!...นี่คือเคล็ดลับจากคนก้นครัวเลยนะจ๊ะ บ่อยครั้งที่สิ่งของใกล้ตัว หรือแม้แต่ในครัวของเรานั้น จะมาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องความสวยความงามของ เราได้อย่างไม่คาดคิดมาก่อน เพราะวิธีทำก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่คุณนำช้อนไปแช่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นที่บ้านก่อนจะเข้านอนในตอนกลางคืน หลังจากนั้นตื่นขึ้น มาตอนเช้าก็นำเอาช้อนที่แช่แข็งไว้ออกมาวางทาบลงบริเวณรอบๆดวงตาที่บวมคล้ำ จากนั้นก็รอจนกว่าช้อนจะอุ่นหรือหายเย็น แล้วก็เปลี่ยนคันใหม่ ทำต่อไปสักพักจน รู้สึกว่าตาหายบวมก็พอแล้วค่ะ 


2. ถุงชาใช้แล้ว ขอบอกเลยว่านี่คือวิธีที่ได้รับความนิยมมากๆเลยนะ หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าถุงชาที่เหลือจากการชงชานั้น แท้จริงแล้วมีประโยชน์มากๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะสาวๆที่กำลังประสบปัญหาตาเป็นหมีแพนด้านั้น หากลองนำเอาถุงชาที่กำลังอุ่นๆ (ไม่ต้องร้อนนะ!) มาประคบลงรอบๆดวงตาที่กำลังบวม สารแทนนิ นที่พบในชาจะช่วยลดอาการบวมได้ดีนักแลจ้า! 


3. แตงกวาหั่นบางๆ นี่อาจเป็นวิธีแรกๆที่สาวๆนึกถึง แต่เชื่อได้เลยว่ามันช่างได้ผลสุดๆเลยล่ะ เพียงแค่คุณนำเอาแตงกวาสดนำมาล้างให้สะอาด จากนั้นก็หามีดมาหั่น ให้เป็นแผ่นบางๆ จากนั้นก็นำมาวางบริเวณรอบดวงตา แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แนะนำว่าควรทำก่อนนอนทุกคืน เพียงเท่านี้รอยหมองคล้ำใต้ตาก็จะหายไปในบัดดลเลยค่ะ 


4. มะเขือเทศ เชื่อสิ...นี่คือเคล็ดลับที่เราอยากบอกคุณมากๆเลยค่ะ สำหรับคนที่มีปัญหารอยหมองคล้ำใต้ตา ขอบอกเลยว่ามะเขือเทศช่วยแก้ไขปัญหาให้คุณได้ค่ะ เนื่องจาก เนื่องจากว่ามะเขือเทศนั้นเป็นผักที่มีวิตามิน A และ C สูงมากๆ อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงดวงตาและผิวหนังใต้ดวงตาโดยที่ไม่ทำให้เกิดการระคาย แถมยังช่วยประชับถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อยให้กับมาเต่งตึงเหมือนเดิมอีกด้วย 

สำหรับวิธีทำก็ง่ายมากๆ เพียงแค่คุณเลือกมะเขือเทศที่กำลังสุกพอดี เน้นที่มีสีแดงๆ จากนั้นก็นำไปล้างให้สะอาด ก่อนที่จะนำมาหั่นครึ่งแล้วก็คว้านเอาเนื้อและเมล็ด ออกพอสมควร เนื่องจากเราจะใช้เฉพาะเนื้อส่วนที่ติดกับเปลือกเท่านั้น จากนั้นก็บดด้วยช้อนหรือมือจนกลายเป็นเนื้อเหลวๆพอประมาณ แล้วก็นำไปแช่เย็นไว้ประมาณ 10 นาที เมื่อได้แล้วก็นำเอาเนื้อมะเขือเทศมาทาให้บริเวณรอบๆใต้ดวงตาทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น เพียงเท่านี้ขอบตาก็จะค่อยๆหายคล้ำแล้วค่ะ 


5. น้ำแข็งประคบ ขอบอกว่าวิธีนี้ต้นทุนต่ำมากๆเลยค่ะ เพียงแค่คุณนำเอาผ้าขาวบางสะอาดๆมาห่อน้ำแข็ง แล้วก็ทุบน้ำแข็งให้แตกๆแต่อย่าให้มันเละมาก จากนั้นก็นำ เอาถุงผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบบริเวณรอบๆดวงตา แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 - 15 นาที ความเย็นจากน้ำแข็งจะช่วยลดความเมื่อยล้า รอยหมองคล้ำ รวมไปถึงถุงน้ำใต้ตาของคุณได้อย่างง่ายดาย 









7 สูตร บอกลาริมฝีปากดำคล้ำ ให้กลายเป็นสีชมพู..น่าจุ๊บ!!


ปากดำ ปัญหาบั่นทอนความมั่นใจของสาวๆที่มีสาเหตุมาจากหลายๆอย่าง บางคนอาจเกิดมามีริมฝีปากดำคล้ำโดยกำเนิดหรือกรรมพันธุ์ 
แต่ในกรณีที่ริมฝีปากดำเพราะสาเหตุอื่นๆ อาทิ การใช้ลิปสติก แสงแดด อากาศ ยาสีฟัน ยาบางชนิด การเลียริมฝีปากบ่อยๆ การสูบบุหรี่ รวมไปถึงผลจากการรับประทานอาหารบางอย่างก็สามารถทำให้คุณมีริมฝีปากดำได้เช่นกันค่ะ 

การแก้ปัญหาริมฝีปากดำคล้ำนั้นสามารถทำได้ง่ายๆเพียงดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ เพื่อให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปากบ่อยๆ งดชา กาแฟ แอลกอฮอลล์ รวมถึงการสูบบุหรี่ เมื่อทาลิปสติกควรใช้ Lip Remover ด้วยทุกครั้ง 

นอกจากนี้ยังมีสูตรแก้ปากดำให้กลายเป็นสีชมพูด้วยวิธีดังต่อไปนี้ค่ะ 

1. การสครับปากด้วยน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา + น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา + น้ำมันอัลมอนด์ ½ ช้อนชา เมื่อได้แล้วก็ผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาสครับที่ริมฝีปากเบาๆ ต่อมาล้างออกด้วยน้ำอุ่น การบำรุงด้วยลิปมันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากของคุณค่ะ 

2. การสครับปากด้วย น้ำผึ้ง + น้ำตาล + วาสลีน ใช้สัดส่วนเท่า ๆ กันอย่างละ ½ ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาสครับที่ริมฝีปากเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ต่อมาล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วทาลิปมันปิดท้ายค่ะ 

3. การสครับปากน้ำมะนาว + น้ำนม + น้ำตาล ใช้อย่างละ ½ ช้อนชา ผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาสครับที่ริมฝีปากเบาๆ ประมาณ 5 นาที ต่อมาล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วทาลิปมันปิดท้ายเหมือนวิธีก่อนหน้านี้ค่ะ 

4. น้ำมันละหุ่ง + น้ำมันอัลมอนด์ นำน้ำมันละหุ่งและน้ำมันอัลมอนด์มาผสมให้กัน จากนั้นก็นำส่วนผสมที่ได้มานวดบริเวณริมฝีปากเบาๆประมาณ 5 นาที จะช่วยทำให้ริมฝีปากของเราค่อยๆเปลี่ยนจากสีดำคล้ำจนกลายเป็นสีชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าจะให้ได้ผลดีแนะนำว่าควรทำทุกวันนะคะ 

5. สตรอเบอร์รี่ + วาสลีน นำเอาเอาสตรอเบอร์รี่ลูกสุกๆมาปั่นให้ได้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จากนั้นผสมด้วยวาสลีนประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ พยายามคนให้เข้ากัน แล้วนำส่วนผสมที่ได้มาทาที่ริมฝีปาก ขอบอกว่าสูตรนี้สามารถนำมาใช้แทนลิปปาล์มได้เลยนะคะ 

6. น้ำแข็งก้อน อะไรนะ! มันช่วยได้จริงหรือ? เชื่อไหมว่าการนำเอาน้ำแข็งก้อนมานวดบริเวณริมฝีปากก็สามารถช่วยแก้ปัญหาปากดำได้ เนื่องจากน้ำแข็งจะช่วยทำให้ริมฝีปากของเรามีความชุ่มชื้นและสดชื่นมากขึ้น แต่วิธีนี้อาจได้ผลไม่ดีเท่าวิธีอื่นๆนัก แต่ก็สามารถทำได้สะดวกดีค่ะ 

7. ขัดด้วยแปรงสีฟัน การขัดริมฝีปากเบาๆด้วยแปรงสีฟันก็ช่วยแก้ปัญหาปากดำได้เหมือนกันค่ะ เนื่องจากวิธีนี้จะช่วยขจัดเซลล์เก่าที่ตายแล้วทำให้ปากดูอมชมพูมากขึ้นนั้นเองค่ะ 






เบกกิ้งโซดา เคล็บลับเพื่อผิวสวยหน้าใส


ขึ้นชื่อว่าสุภาพสตรี ย่อมรักสวยรักงาม อยากให้ผิวพรรณดีมีสุขภาพอยู่คู่กับตนเองไปนานๆ แต่โชคร้ายเหลือเกินที่ผิวพรรณของคุณต้องสัมผัสกับเชื้อโรค และมลพิษต่างๆ จึงก่อให้เกิดปัญหา และโรคต่างๆ ต่อผิวของคุณได้ง่ายขึ้น เจ้าเบกกิ้งโซดานี่แหละที่จะมาช่วยคุณดูแลรักษาผิวพรรณให้อ่อนเยาว์และยังประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย

     สูตรที่เราเตรียมมามอบให้กับผู้อ่านในวันนี้จะช่วยคุณในการผลัดเซลล์ผิวและช่วยดูแลรักษาผิวหนังชั้นบนสุดได้เป็นอย่างดีโดยการกำจัดสารพิษ เซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหนัง ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายเพื่อสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใส คุณมั่นใจได้เลยว่าสูตรดังกล่าวนี้อ่อนโยนต่อผิว และจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่างแน่นอน 

     เบกกิ้งโซดา คือส่วนประกอบสำคัญที่อยู่คู่บ้านคู่เรือนมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมันสามารถช่วยรักษาอาการผื่นคัน และโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับผิวพรรณของคุณ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูกันเถอะค่ะว่าเจ้าเบกกิ้งโซดานั้นสามารถเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง!

1. เบกกิ้งโซดา กับน้ำสะอาด 
     เบกกิ้งโซดากับน้ำสะอาด เป็นส่วนผสมที่ช่วยในการทำความสะอาดผิวพรรณ และขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว นอกจากนี้ยังสามารถปกป้องผิวพรรณของคุณให้แข็งแรงได้ในเวลาเดียวกัน 
     เพียงคุณนำผงเบกกิ้งโซดาผสมควบคู่กับน้ำสะอาดจนเข้ากัน อันดับแรกควรทำความสะอาดใบหน้าให้หมดจนด้วยน้ำอุ่น จากนั้นนำน้ำสะอาดที่ผสมเบกกิ้งโซดามาล้างหน้าอีกครั้ง พร้อมกับนวดเป็นวงกลมที่บริเวณดังกล่าว ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นอีกครั้งแล้วจึงค่อยๆ เช็ดให้แห้งอย่างเบามือ 
     คุณสามารถนำเบกกิ้งโซดาไปผสมกับข้าวโอ๊ตปั่นได้เช่นเดียวกัน โดยแบ่งส่วนผสมทั้ง 3 ในปริมาณเท่าๆ กัน นำส่วนผสมดังกล่าวมามาส์กหน้าเพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่กระจ่างใส นอกจากนี้ยังช่วยลดเรือนริ้วรอยจุดด่างจำให้จางลง จากนั้นทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำอุ่นเช่นเดียวกัน เพียงเท่านี้ผิวหน้าของคุณก็จะกระจ่างใสมากกว่าที่เคย ข้อควรระวังคือควรเว้นระยะให้ห่างจากดวงตาพอประมาณ 

2. เบกกิ้งโซดา กับมะนาว
     สูตรที่ 2 นี้เรียกได้ว่าเป็นตัวฆ่าเชื้อจากธรรมชาติได้อย่างดี และช่วยกำจัดริ้วรอยอันเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น นำเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะมาผสมกัน จากนั้นเติมน้ำมะนาวลงไปในเศษ 1 ส่วน 4 ของถ้วย คนส่วนผสมให้เข้ากัน หลังจากทำความสะอาดผิวหน้า นำส่วนผสมดังกล่าวใช้เป็นที่มาส์กหน้าประมาณ 10 นาทีในขณะที่ผิวกำลังเปียก จากนั้นจึงค่อยๆ ล้างออกด้วยน้ำอุ่นเช่นเดียวกัน

3. เบกกิ้งโซดา และน้ำมันมะพร้าว
     น้ำมันมะพร้าว คือวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับผิวพรรณของคุณโดยมีหน้าที่เติมความชุ่มชื้นให้กับผิว นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องผิวจากการอักเสบได้เป็นอย่างดี คุณสามารถผสมน้ำมันมะพร้าวกับเบกกิ้งโซดาในปริมาณเท่าๆ กัน และคนจนกระทั่งส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว 
     หากคุณต้องการให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นก็สามารถเพิ่มปริมาณน้ำมันมะพร้าวได้นะคะ และเมื่อส่วนผสมพร้อมใช้งานแล้วก็นำมาชโลมลงบนร่างกายประหนึ่งเป็นโลชันบำรุงผิว ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีระหว่างนั้นคุณอาจจะค่อยๆ นวดเพื่อให้ส่วนผสมซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ง่ายขึ้น และเมื่อครบกำหนดแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด เป็นอันเรียบร้อย

     เห็นมั้ยล่ะคะว่าการจะมีผิวสุขภาพดี กระจ่างใสได้นั้นไม่จำเป็นต้องเสียเงินแพงๆ เสมอไป แค่ของใช้ที่คุณมีอยู่ในบ้านก็สามารถบำรุงผิวของคุณให้มีสุขภาพดีได้ แต่อย่าลืมนะคะว่าควรหมั่นบำรุงผิวบ่อยๆ เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัด



ปากกาทำตา 2 ชั้น แค่วาดก็เพิ่มชั้นตาง่าย ๆ ไม่ต้องเจ็บตัว !


 ปากกาทำตา 2 ชั้น แค่วาดก็เพิ่มชั้นตาง่าย ๆ ไม่ต้องเจ็บตัว บอกเลยว่าไอเทมนี้สาวหมวยตาตี่ทั้งหลายไม่ควรพลาด
          รู้นะว่าสาวหมวยตาชั้นเดียวหลายคน ก็มีแพลนอยากจะอัพความสวย ด้วยการทำศัลยกรรมตา 2 ชั้นกันใช่ไหมล่ะ แต่การจะไปทำทั้งทีก็ต้องเสี่ยงเจ็บตัว แถมเสียเงินเยอะอีกต่างหาก ถ้าจะให้ติดสติ๊กเกอร์ตา 2 ชั้นทุกวันก็คงไปทำงานสายแน่นอนล่ะทีนี้

          แต่ค่ะแต่ ! ถ้าได้รู้จักกับไอเทมสุดมหัศจรรย์แท่งนี้ ที่มันเกิดมาเพื่อสาวหมวยตาตี่ชัด ๆ บอกเลยว่าคุณจะฟินสุด ๆ ซึ่งไอเทมนี้คือ ปากกาทำตา 2 ชั้นนั่นเอง วิธีการใช้ก็ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย แค่นำปลายแท่งมาวาดให้โค้งตามรอยพับตา เพียงเท่านี้ก็จะมีชั้นตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวหรือเสียเงินแพงเลย แถมยังประหยัดเวลามากกว่าการใช้สติ๊กเกอร์ทำตา 2 ชั้นอีก งานนี้สาวตาตี่ไม่เลิฟยังไงไหว !



















8 วิธีแก้รักแร้ดําแบบธรรมชาติ เพื่องานโชว์ใต้วงแขนอย่างมั่นใจ


รวมสารพัดวิธีแก้รักแร้ดําแบบธรรมชาติ วิธีทําให้รักแร้ขาว มาเปลี่ยนรักแร้ดําให้ขาวกระจ่างใส เพื่อโชว์ใต้วงแขนอย่างมั่นใจกันเถอะ

          เป็นสาวเป็นแซ่ หน้าตาสะสวย แต่ถ้ายกแขนขึ้นมาแล้วเห็นรักแร้ดำ งานนี้ไม่โอเคนะคะพูดเลย ! เพราะมันจะทำให้เสน่ห์ของคุณสาว ๆ หายวับไปทันที เผลอ ๆ จะกลายเป็นตัวตลกให้คนอื่นเอาไปเม้าท์มอยล้อเลียนกันก็เป็นได้ ดังนั้นหากใครที่กำลังมีปัญหารักแร้ดำกันอยู่ละก็ ควรต้องรีบแก้ไขกันด่วน ๆ อย่าปล่อยให้รักแร้ดำมาทำลายความมั่นใจของคุณเอาได้ ซึ่งวิธีแก้รักแร้ดำนั้นก็ง่ายมาก ๆ เลยค่ะ สามารถหาผู้ช่วยได้จากสิ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวนี่แหละ และวันนี้กระปุกดอทคอมก็ได้รวบรวมวิธีแก้รักแร้ดําแบบธรรมชาติมาฝากกันแล้ว ถ้าอยากโชว์ใต้วงแขนขาวอย่างมั่นใจก็อย่ารอช้า รีบตามมาดูกันเลย...


1. มะนาว

          นำมะนาวสดมาผ่าเป็นซีก ๆ เอาเมล็ดออกให้เรียบร้อย จากนั้นให้นำซีกมะนาวมาถูวนเบา ๆ ที่บริเวณรักแร้ เสร็จแล้วทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออก เมื่อทำเป็นประจำ เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วจะหลุดออก เผยให้เห็นใต้วงแขนที่ขาวกระจ่างใสได้ง่าย ๆ


2. มะขามเปียก

          นำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำสะอาด คั้นพอให้ได้เนื้อเหลว ๆ จากนั้นผสมน้ำผึ้งลงไปอีกเล็กน้อย คนให้เข้ากัน เสร็จแล้วให้นำมาพอกและขัดเบา ๆ ที่ใต้วงแขน ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออก ทำเป็นประจำ (วันเว้นวัน) จะช่วยขจัดผิวบริเวณรักแร้ที่หมองคล้ำให้ขาวกระจ่างใส


3. มะละกอ

          นำมะละกอเหลืองที่ยังไม่สุกมากมาปอกเปลือกแล้วผ่าออกเป็นชิ้น ๆ จากนั้นให้นำชิ้นมะละกอมาถูรักแร้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออก ทำเป็นประจำทุกวัน เอนไซม์ของมะละกอจะช่วยทำให้รักแร้ขาวขึ้นได้


4. มันฝรั่ง

          นำมันฝรั่งมาปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำไปสับหรือปั่นให้ละเอียด เสร็จแล้วให้นำมาพอกที่บริเวณรักแร้ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออก วิธีนี้ให้ทำสัปดาห์ละครั้ง เอนไซม์จากธรรมชาติที่อยู่ในมันฝรั่งจะช่วยแก้รักแร้ดำให้กลับมาขาวเนียนขึ้นได้


5. แตงกวา

          นำแตงกวามาหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด (คั้นเอาแต่น้ำ) เมื่อได้น้ำแตงกวาแล้วให้ผสมผงขมิ้นและน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน จากนั้นให้นำมาทาที่รักแร้ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก หากทำเป็นประจำทุกวันรักแร้จะค่อย ๆ ขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


6. แอปเปิลเขียว

          นำแอปเปิลเขียวมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นเอาไปปั่นให้ละเอียด (คั้นเอาแต่น้ำ) เมื่อได้น้ำแอปเปิลแล้วให้บีบน้ำมะนาวผสมลงไปเล็กน้อย คนให้เข้ากัน นำแผ่นสำลีมาชุบแล้วทาที่ใต้วงแขน ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก วิธีนี้ก็สามารถช่วยให้รักแร้ขาวขึ้นได้ไม่แพ้วิธีอื่น ๆ เลยค่ะ


7. เกลือสปา

          นำเกลือสปามาขัดวน ๆ บริเวณรักแร้อย่างเบามือในขณะอาบน้ำ ระวังอย่าขัดจนแรง เพราะอาจทำให้รักแร้มีแผลหรือเกิดการถลอกได้ ซึ่งให้ทำเป็นประจำ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รักแร้จะค่อย ๆ ขาวขึ้น และผิวหนังไก่ก็จะเรียบเนียนขึ้นด้วย


8. น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

          การใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นเป็นตัวช่วย ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยแก้ปัญหารักแร้ดำอย่างได้ผล โดยให้นำสำลีมาชุบน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นแล้วนำมาทาที่บริเวณรักแร้ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด ทำเป็นประจำ วันเว้นวัน น้ำมันมะพร้าวที่มีวิตามินอีจะช่วยบำรุงให้รักแร้ขาวขึ้นได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้กลิ่นตัวลดลงอีกด้วย

          ได้เวลาปฏิบัติการทวงคืนความมั่นใจด้วยการบำรุงใต้วงแขนให้ขาวกระจ่างใสอีกครั้งกันแล้วค่ะสาว ๆ ซึ่งวิธีที่กระปุกดอทคอมได้นำมาฝากกันในวันนี้ ถึงแม้อาจจะไม่รวดเร็วทันใจ แต่รับรองว่าได้ผลแน่นอน ที่สำคัญปลอดภัยและประหยัดเงินอีกด้วยนะ พูดเลย !












10 สุดยอดอาหารสำหรับดีท็อกซ์ อาหารเพื่อสุขภาพ


การดีท็อกซ์ คือ การล้างพิษ การล้างพิษมีหลายวิธี ได้แก่ การอาบน้ำ การอบ การนวด ร่างกายขับเหงื่อออกทางผิวหนัง ก็เป็นการล้างพิษ ขจัดเอาพิษออก และการสวนล้างลำไส้ ก็นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยให้อวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล อีกทั้งช่วยบำรุงผิวพรรณผ่องใส เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี วันนี้สุขภาพดอทคอมมี 10 สุดยอดอาหารดีท็อกซ์มาฝาก

Top 10 Detox Foods 10 สุดยอดอาหารดีท็อกซ์ (Health Plus)
อาหารเหล่านี้ช่วยล้างสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทานให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 ส่วนบริโภค (1 ส่วนบริโภค = 1 ถ้วยตวง หรือ 240 มิลลิลิตร)

หน่อไม้ฝรั่ง
นำไปนึ่งหรือต้มสักครู่จนนิ่ม ราดด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย บีบน้ำมะนาวลงไป ก็จะได้อาหารเรียกน้ำย่อย หรือเครื่องเคียงที่อุดมด้วยกรดอะมิโนที่เรียกว่า แอสพาราจีน (asparagine) รวมถึงโพแทสเซียมที่ช่วยขับปัสสาวะและทำความสะอาดอวัยวะภายใน ช่วยไตขับสารพิษ และการบวมน้ำ โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน

บีทรูท
เป็นที่รู้จักว่าช่วยล้างสารพิษในเลือด บีทรูทมีสารเบทาไซอานิน (betacyanin) ซึ่งเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และช่วยกระตุ้นการทำงานของกระบวนการล้างสารพิษในตับ นำไปอบกับน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ราดด้วยน้ำส้มสายชูบัลเซมิกเล็กน้อยจะช่วยให้รสชาติดี แต่ถ้าต้องการให้ได้รับวิตามินครบถ้วน ควรกินดิบ ๆ โดยนำไปขูดฝอยกินเป็นสลัด

เบอร์รี่
บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ และแบล็กเบอร์รี่ อุดมไปด้วยแอนตี้ออกซิแดนท์ต่อสู้กับสารพิษ โดยเฉพาะบลูเบอร์รี่ช่วยให้หลอดเลือดดำ และหลอดเลือดแดงแข็งแรง จึงทำให้ออกซิเจนและสารอาหารจำเป็นเข้าสู่ร่างกายได้ในปริมาณมาก นำไปทำเป็นสมูธตี้หรือสลัดผลไม้

บร็อกโคลี
มีสรรพคุณต่อต้านมะเร็ง เนื่องจากมีวิตามินซีสูง บร็อกโคลียังอุดมด้วยสารกลูโคซิโนเลต (glucosinolates) เช่นเดียวกับสารชัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งจะช่วยตับขับสารพิษรับประทานดิบ ๆ โดยนำดอกบร็อกโคลีจิ้มกับซัลซ่า หรือฮุมมุส (hummus – ทำจากถั่วชิกพีผสมงาและกระเทียมราดด้วยน้ำมันมะกอก) จะนำไปผัด หรือนึ่งเสิร์ฟกับปลาย่าง

กะหล่ำปลี
กะหล่ำปลีแดง ผักกาดขาว กะหล่ำปลี หรือผักกวางตุ้งไต้หวัน (bok choy) เป็นอาหารดีท็อกซ์ชั้นยอด ทำเป็นสลัด หรือนำไปผัด หรือนำไปต้มและผัดเร็ว ๆ ด้วยไฟแรงในน้ำมันมะกอก

มะนาว (lemons)
สีเหลืองของมะนาวมาจากการที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่เรียกว่า ไบโอฟลาโวนอยด์อยู่สูง จึงช่วยการทำงานของตับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยในการล้างสารพิษ บีบมะนาวลงในน้ำร้อน ดื่มเป็นอย่างแรกหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือนำไปคั้นผสมกับส้มและเกรฟฟรุต ดื่มเพิ่มความสดชื่น

ลินสีด (Linseed) หรือเมล็ดแฟล็กซ์
นอกจากอุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นแล้ว ลินสีดยังช่วยล้างลำไส้และทำให้ขับถ่ายเป็นปกติ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการล้างสารพิษ ให้แช่เมล็ดลินสีด 1 ช้อนโต๊ะในน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แล้วดื่มจนหมดแก้ว หากไม่ชอบรสชาติให้นำไปปั่นรวมกับผลเบอร์รี่ ทำเป็นสมูธตี้ หรือนำเมล็ดไปบด แล้วโรยบนผลไม้หรือสลัด

พริก
อาหารที่มีสีสดใสเช่น พริกและมะเขือเทศ อุดมด้วยแอนตี้ออกซิแดนท์ในการล้างสารพิษช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์เสื่อม เสริมสร้างภูมิต้านทานโรค สารประกอบแคปไซซิน (capsaicin) ในพริกทำให้โลหิตไหลเวียนดี และช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร เมนูดีท็อกซ์ของคุณควรประกอบไปด้วยอาหารสีสันสดใสหลากหลายชนิด เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับแอนตี้ออกซิแดนท์ที่หลากหลาย

มะละกอ และสับปะรด
มะละกอมีสารปาเปน (papain) ส่วนสับปะรดอุดมไปด้วยบรอมีเลน (bromelain) สารทั้งสองชนิดนี้เป็นเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยโปรตีน และกระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียผ่านทางอวัยวะที่มีหน้าที่กำจัดของเสีย สับปะรดมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะอ่อน ๆ ซึ่งสารพิษจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ นำผลไม้ทั้งสองชนิดนี้มาหั่นเป็นชิ้น ๆ กินเป็นอาหารเช้าหรือของหวาน หรือนำไปบดกับผักชี กระเทียมสับ พริกแดง ต้นหอม แตงกวา และมะเขือเทศ ตามด้วยน้ำมะนาว ทำเป็นซัลซารสชาติอร่อยกินคู่กับปลานึ่ง

ผักสลัดน้ำ หรือวอเตอร์เครส
เช่นเดียวกันบร็อกโคลี วอเตอร์เครสเป็นแหล่งที่อุดมด้วยไปด้วยกลูโคซิโนเลตที่ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ดีท็อกซ์ของตับ นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียมและแคลเซียมสูง จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ใช้เป็นอาหารทางเลือกแทนผักกาดหอม หรือปรุงเป็นซุปวอเตอร์เครส





เคล็ดลับผิวขาวกระจ่างใสภายใน 15 นาที


บ่อยครั้งที่เรามักปล่อยให้ผิวหน้าที่เคยขาวกระจ่างใส เริ่มหม่นหมอง และมีริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะคุณไม่คอ่ยได้ดูแลเอาใจใส่ผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอนัก 

วันนี้เบ็ดเตล็ดไอเดียขอแนะนำสูตรฟื้นฟูสภาพผิวหน้าแบบเร่งด่วน! ด้วยวิธีที่ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ 15 นาที ผิวหน้าของคุณก็จะกลับมาแลดูชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง และดูกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ปลุกผิวหน้าให้ตื่นตัวด้วยน้ำแข็งก้อน สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือผิวแห้งมากๆ เพียงแค่นำเอาชาไปชงให้เข้มๆ แล้วทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นนำไปเทใส่แม่พิมพ์ แล้วแช่ตู้เย็นจนเป็นน้ำแข็ง จากนั้นให้นำมาคลึงวนไปมาทั่วใบหน้าสักประมาณ 5 นาที 

ขั้นตอนที่ 2 จากนั้นนำเอาสำลีชุบน้ำนม มาโปะให้ทั่วใบหน้า แล้วทิ้งไว้ ประมาณ 10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น คุณจะรุ้สึกได้ว่าผิวผ่อนคลาย ชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง และกระจ่างใสอย่างน่าประหลาดใจค่ะ